ก่อนอื่นอยากจะขอพูดเชิงกว้างๆแนะนำก่อน เพื่อจะได้เข้าใจตรงกันก่อน เกี่ยวกับการสอบ TOEFL(โทเฟล), TOEIC(โทอิก), IELTS(ไอเลสท์) เป็นต้น ผมยอมรับว่าตอนผมเรียนอยู่ระดับปริญญาตรี ผมก็ไม่รู้เรื่องเท่าไหร่นัก ก็ขอเกริ่นนำสักเล็กน้อย
แบบที่ 1. IELTS (International English Language Testing System)
IELTS หรือการทดสอบภาษาอังกฤษระดับนานาชาติ ได้รับการออกแบบเพื่อใช้ประเมินความสามารถด้านภาษา นิยมนำไปใช้เพื่อสมัครเรียนต่อประเทศ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร เป็นหลัก ประเทศก็มีบ้างต้องตรวจสอบจากมหาวิทยาลัยประเทศนั้นโดยตรง ข้อดีนั้นมีหลายรอบในหนึ่งเดือน สอบในกรุงเทพได้เลย
.
สนใจติดต่อที่ http://www.britishcouncil.co.th/ หรือ http://www.britishcouncil.org/th/thailand
แบบที่ 2. TOEIC (Test of English for International Communication)
การสอบ TOEIC เป็นการสอบเพื่อวัดระดับความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในการสมัครเข้าทำงานในธุรกิจ ทางด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม ธุรกิจการบิน และอุตสาหกรรมโรงงานข้ามชาติอีกหลายแห่ง
การสอบ TOEIC สามารถยกระดับหน้าที่การงานของตนให้เจริญก้าวหน้า เช่น สมัครเข้าทำงาน เพื่อเพิ่มเงินเดือน และเลื่อนตำแหน่งแก่พนักงาน
หมายเหตุ นักศึกษาชั้นปีสุดท้าย ที่จะทำงานเลยหลังจบ มักจะเตรียมตัวสอบตัวนี้ เพื่อนำไปใช้ในการสมัครงานกัน และราคาของการสอบถูกกว่า IELTS และ TOEFL มาก
.
.
แบบที่ 3. TOEFL (The Test of English as a Foreign Language)
.
จริงๆแล้ว TOEFL เป็นการสอบเพื่อเข้าศึกษาต่อในประเทศอเมริกาเป็นหลัก แต่การเรียนประเทศอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร เป็นต้น หลายมหาวิทยาลัยก็ยินดีที่จะรับผลคะแนน TOEFL แต่กลับกันถ้านำผลคะแนนของ IELTS ไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยที่อเมริกาส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะรับ (ลองตรวจสอบมหาวิทยาลัยให้แน่ใจก่อนนะครับ)
.
สำหรับการสมัครเข้าทำงานนั้นหลายที่ก็ยินดีที่จะรับผลของ TOEFL แต่ค่าสอบของ TOEFL สูงถึงประมาณ 4,500-5,000 บาท ขึ้นอยู่กับอัตราการแลกเปลี่ยนด้วย ดังนั้นนักศึกษาที่มั่นใจว่าจะทำงานแน่นอนไม่เรียนต่อ ก็จะไปสอบ TOEIC จะดีกว่า
.
.TOEFL จะแบ่งการสอบเป็น 3 ตระกูลใหญ่ๆ คือ
.
3.1 TOEFL CBT (computer-based testing) ณ ปัจจุบันไม่มีการสอบแบบนี้แล้ว เพราะเปลี่ยนไปเป็นแบบ TOEFL iBT แทน
.
3.2 TOEFL PBT (paper-based testing)
ปัจจุบันยังมีการสอบอยู่ แต่เต็มเร็ว และมีรอบการสอบน้อย
.
- มีการวัดทักษะการฟัง โครงสร้างไวยากรณ์ การอ่าน และการเขียน โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เป็นการสอบโดยใช้ปากกาและดินสอ ไม่มีการใช้คอมพิวเตอร์แต่อย่างไร
.
ผมมีตัวอย่างข้อสอบอยู่ที่ชั้นวางหนังสือที่ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ สจล. ถ้าสนใจก็ลองไปขอยืมพี่แตนที่ภาควิชาฯดูแล้วกัน
- จะสังเกตได้ว่าไม่มีการสอบ Speaking ไม่มีในส่วนของ Intregrate แต่มีในส่วนของ Grammar อันได้แก่ Structure และ Written แทน (ถือว่าค่อนข้างง่ายแต่ต้องใช้เวลาเยอะพอสมควรในการฝึกทำโจทย์)
.
- ในประเทศไทยจะเต็มเร็วมาก ต้องจองข้ามปีกันทีเดียว สอบประมาณ 6 ครั้งต่อปี ขอเน้นว่าในกรุงเทพไม่มีศูนย์สอบ TOEFL แบบ PBT มักจะมีที่จังหวัดนครศรีธรรมราช บางปีก็มีที่พิษณุโลก และหาดใหญ่

- มีนักเรียนไทยจำนวนไม่น้อยที่ต้องบินไปสอบที่ย่างกุ้งประเทศพม่า หรือไม่ก็ที่ ปีนัง ประเทศมาเลเซีย


3.3 TOEFL iBT (Internet-based testing)
มีการเพิ่มข้อสอบวัดทักษะในการพูดแบบเสนอผลงาน (presentation) และการทดสอบทักษะการใช้ภาษาหลายอย่างพร้อมกัน (integrate task)
.
- ข้อสอบ TOEFL iBT วัดความสามารถการใช้ภาษาใน 4 ทักษะคือ Reading, Listening, Writing, และ Speaking (ข้อสอบรูปแบบ iBT ยากกว่าข้อสอบเดิมมากหากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมลองค้นหาทาง google ดูก็ได้)
.
- ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง เป็นการสอบโดยใช้คอมพิวเตอร์แบบ online
.
- มีศูนย์สอบค่อนข้างจะมาก และในหนึ่งเดือนก็มีหลายวัน
.
.
แนะนำมาสักยาว แต่จริงเนื้อหายาวกว่านี้อีกนะครับ แต่เรื่องที่ผมอยากจะพูดถึงคือข้อสอบของ TOEFL ในส่วนของการเขียน (Writing) เขาก็มีการพูดกันว่าหัวข้อ (Topics) ที่นำมาออกข้อสอบให้เขียนเรียงความ (Essay) นั้น จะวนเวียนสลับเปลี่ยนสุ่มจาก 185 เรื่องนี้เท่านั้น ดังนั้นผมจึงมีเอกสารมาฝากครับ -> Download Writing 185 Topics
และสูตรการเขียน -> Download Help_Writing
.
สนใจในการสอบ TOEFL และ TOEIC เข้าไปดูเว็บไซต์ที่ http://www.ets.org/
.
หรืออยากจะขอคำแนะจากตัวผม ก็ส่ง email: kittiwat.sirikasemsuk@gmail.com (ฟรีๆ)
.
.