ในวันสุดท้ายในการเดินทางไปอีสานในช่วงสงกรานต์ 2553 นอกจากจะไปไหว้นมัสการพระธาตุพนม จ.นครพนม และขากลับสามารถเดินทางกลับได้หลายทาง ถ้ากลับเส้นสกลนคร-นาแก ข้าพเจ้าก็ตั้งใจจะแวะวัดป่าบ้านโคก หรือนั่นคือวัดป่าวิสุทธิธรรม ซึ่งท่านพระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ ได้สร้างให้หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตอยู่จำพรรษาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๗
.
แต่ทางครอบครัวของข้าพเจ้าได้ตัดสินใจเดินทางผ่าน จ.มุกดาหาร เมื่อเปิดแผนที่ดู ปรากฎว่าใกล้กับวัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) นั่นก็คือวัดที่หลวงปู่หล้ามาจำพรรษาอยู่นั่นเอง และหลวงปู่หล้าอยู่ที่นี่จนถึงวาระสุดท้าย ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจต้องเดินทางไปวัดหลวงปู่หล้าให้ได้
.
เมื่อตอนเรียนอยู่ระดับปริญญาตรี ได้ฟังอาจารย์วิวัฒน์ กิรานนท์ อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมพุทธศาสตร์และประเพณี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯลาดกระบัง ได้กล่าวถึงหลวงปู่หล้าอยู่หลายครั้ง (อาจารย์วิวัฒน์ เคยบวชอยู่กับหลวงปู่หล้า) แต่ข้าพเจ้าก็ไม่มีโอกาสเลยสักครั้ง ในการไปวัดภูจ้อก้อแห่งนี้
.
แต่มาในครั้งนี้ ข้าพเจ้าและครอบครัวได้มากราบนมัสการสถานที่ที่ศักด์สิทธิ์แห่งนี้ ที่ครูบาอาจารย์เคยมาจำพรรษาอยู่แห่งนี้ ถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ข้าพเจ้าและครอบครัวเป็นอย่างมาก
.
ข้าพเจ้าเคยเห็นแต่ในรูป "เขมปัตตเจดีย์" ในหนังสือธรรมะ แต่คราวนี้ได้มีโอกาสมากราบนมัสการเจดีย์ที่เก็บอัฐบริขาร เครื่องใช้ของท่านหลวงปู่หล้า
.
ภายในเจดีย์ จะมีรูปเหมือนของหลวงปู่หล้า เขมปัตโต และอัฐิธาตุของหลวงปู่หล้า เพื่อให้พุทธศานิกชนได้กราบไหว้ ระลึกถึงคำสั่งสอนของท่าน
.
ความโชคดีของข้าพเจ้ายังไม่หมดเท่านั้น ปรากฎว่ามีผู้ใจบุญ ได้พิมพ์หนังสือชีวประวัติของหลวงปู่หล้าแจกเป็นธรรมทานซึ่งวางแจกอยู่ภายในเจดีย์ (ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญด้วย) หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า "พระหล้า เขมปตฺโต" โดยเนื้อกระดาษเป็น "Green Read" หนาพอสมควร ถือว่าโชคดีมากๆ เพราะข้าพเจ้าอยากได้มานานแล้ว เพราะหนังสือของหลวงปู่หล้านั้น ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าหาได้ยากพอสมควร ที่จะมีการทำแจกเป็นธรรมทานกัน
.
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ตอนเที่ยงคืน ข้าพเจ้าก็ได้หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาอ่านสักพัก จริงๆต้องบอกว่าวางไม่ลงจริงๆ เนื้อหานั้นมีคุณค่ามากจริงๆ ตัวอย่างเช่น หลวงปู่หล้าได้เล่าถึงในช่วงวาระสุดท้ายของหลวงปู่มั่น ซึ่งหลวงปู่มั่นท่านป่วย และต้องย้ายหลวงปู่มั่น จากวัดป่าหนองผืด มายังวัดป่าสุทธาวาส และตัวอย่างอีกช่วงที่ท่านหลวงปู่มั่นมีลมหายใจอ่อนลงเบาบางลง เป็นต้น ข้าพเจ้าไม่สามารถเล่าให้ฟังได้ เพราะหลวงปู่หล้าได้เขียนลึกซึ้งอย่างมาก ผู้สนใจสามารถไปยืมได้ที่ห้องสมุดชมรมพุทธฯ พระจอมเกล้าฯลาดกระบัง (ข้าพเจ้าจำได้ว่าที่ชมรมฯ มีหนังสือเล่มนี้อยู่)
.
อนึ่ง ข้าพเจ้าลืมบอกไปว่า ในช่วงอายุสุดท้ายของหลวงปู่มั่น มีพระอาจารย์ที่ได้อยู่ใกล้ และได้ดูแลองค์หลวงปู่มั่น เช่น ครูบาวัน (ปัจจุบันคือพระอาจารย์วัน อุตตโม) ครูบาทองคำ(หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ) ครูบาสีหา (อดีตพระสีหา สุธัมโม ปัจจุบันคือฆราวาส) รวมถึงครูบาหล้า (ปัจจุบันคือหลวงปู่หล้า เขมปัตโต)
.
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นและเรียบเรียงโดยหลวงปู่หล้าเอง มีอีกประเด็นที่ข้าพเจ้าอยากฝากไว้และไม่สามารถหาอ่านได้ที่ใด เกี่ยวกับลักษณะพิเศษของหลวงปู่มั่นที่หลวงปู่หล้าได้บันทึกไว้ คือ "ฝาเท้าของหลวงปู่มั่น เต็มไปด้วยตารางหมากรุกทั้งสองฝาเท้า"
.
.
.
.
ข้อความดังกล่าว เป็นลายมือที่ท่านหลวงปู่หล้าได้เขียนด้วยตัวเอง
.
ข้าพเจ้าขอเขียนเล่าเพียงเท่านี้ พอแก่เวลา สวัสดีครับ
.
กิตติวัฒน์ สิริเกษมสุข
17 เมษายน 2553
.
หมายเหตุ รูปทุกรูปสามารถคลิกเลือก เพื่อขยายใหญ่ได้
17 เมษายน 2553
16 เมษายน 2553
-ไปวัดป่าสุทธาวาส ไหว้พระธาตุพนม
นอกจากในการเดินทางไปทำบุญ ถวายป้ายชื่อและโครงหลังคา กระเบื้อง และเสาเหล็ก ให้แก่ วัดป่าหนองแหวน อ.นาหว้า จ.นครพนม เป็นที่แรกในการทำบุญช่วงปีใหม่ไทย (สงกรานต์) หลังจากนั้น ได้เดินทางกลับมายังตัวเมืองสกลนคร โดยไปกราบพระธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร
.
ตามตำนานกล่าวว่า เป็นสถานที่ชุมนุมหรือประทับรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่องค์ (พระพุทธกุกกุสันธะ พระพุทธโกนาคมนะ พระพุทธกัสสปะ และพระพุทธโคตมะ) และในอนาคตจะมีพระพุทธเจ้าองค์ที่5 และเป็นองค์สุดท้ายในภัทรกัลป์ คือ พระศรีอริยาเมตตรัย ก็จะมาประทับรอยพระบาทด้วย
.
จากนั้น ข้าพเจ้าและครอบครัวได้เดินทางไปยังวัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
.
โดยส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้าเองต้องการมานมัสการอัฐิธาตุของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ตั้งนานแล้ว โดยมาสองครั้งก่อนหน้าประตูพิพิธภัณฑ์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ ก็ปิดทั้งสองครั้ง ได้เพียงแค่กราบหน้าประตูเท่านั้น เพราะเนื่องจากมาเย็น
.
แต่คราวนี้ข้าพเจ้าสามารถเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ พระอาจารย์มั่น เพื่อกราบนมัสการองค์รูปเหมือนหลวงปู่มั่น และกราบอัฐิธาตุ
ตรงกันข้ามกับพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น เดินไปหน่อยจะพบกับเจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลุย จันทสาโร ซึ่งเป็นศิษย์องค์สำคัญของพระอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่น โดยภายในจะมีรูปเหมือนหลวงปู่หลุย และมีอัฐิธาตุของหลวงปู่หลุย
โดยบทความถัดไปนั้น ข้าพเจ้ายังได้เดินทางไปจ.มุกดาหาร เพื่อไปวัดบรรพตคีรี(ภูจ้อก้อ) และกราบนมัสการเขมปัตตเจดีย์ ซึ่งมีรูปเหมือนของหลวงปู่หล้า เขมปัตโต และอัฐิธาตุของหลวงปู่หล้า
.
กิตติวัฒน์ สิริเกษมสุข
16 เมษายน 2553
.
หมายเหตุ รูปทั้งหมดที่ลงในบทความนี้ เป็นรูปที่ข้าพเจ้าถ่ายเองจากกล้องในมือถือ นั่นความถึงเป็นรูป ณ ปัจจุบันนั่นเองครับ
.
ตามตำนานกล่าวว่า เป็นสถานที่ชุมนุมหรือประทับรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่องค์ (พระพุทธกุกกุสันธะ พระพุทธโกนาคมนะ พระพุทธกัสสปะ และพระพุทธโคตมะ) และในอนาคตจะมีพระพุทธเจ้าองค์ที่5 และเป็นองค์สุดท้ายในภัทรกัลป์ คือ พระศรีอริยาเมตตรัย ก็จะมาประทับรอยพระบาทด้วย
.
จากนั้น ข้าพเจ้าและครอบครัวได้เดินทางไปยังวัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
.
โดยส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้าเองต้องการมานมัสการอัฐิธาตุของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ตั้งนานแล้ว โดยมาสองครั้งก่อนหน้าประตูพิพิธภัณฑ์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ ก็ปิดทั้งสองครั้ง ได้เพียงแค่กราบหน้าประตูเท่านั้น เพราะเนื่องจากมาเย็น
.
แต่คราวนี้ข้าพเจ้าสามารถเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ พระอาจารย์มั่น เพื่อกราบนมัสการองค์รูปเหมือนหลวงปู่มั่น และกราบอัฐิธาตุ
รูป อัฐิธาตุของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ ณ วัดป่าสุทธาวาส
.
จากหนังสือประวัติของหลวงปู่หล้า เขมปัตโต ซึ่งหลวงปู่หล้าเป็นผู้เขียนด้วยตัวเอง และองค์หลวงปู่หล้าท่านได้เป็นศิษย์อีกรูปที่ได้ปรนนิบัติหลวงปู่มั่นในวาระสุดท้าย ได้กล่าวโดยสรุปใจความว่า หลังจากการหลวงปู่มั่นได้ละสังขาร ณ วัดป่าแห่งนี้ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๒ สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆของหลวงปู่ก็ถูกแจกจ่ายไปยังศิษยานุศิษย์ แต่ต่อมามีการสร้างพิพิธภัณฑ์ของพระอาจารย์ใหญ่ขึ้นมา โดยหลวงตามหาบัว ได้เป็นผู้ไปติดต่อ เจรจา ขอคืนสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆของหลวงปู่มั่นกลับคืนมา ซึ่งของทุกอย่างไม่มีข้อสงสัย ว่าเป็นของหลวงปู่มั่นที่เคยใช้ แต่มีเพียงสิ่งหนึ่งที่หลวงปู่หล้า สงสัยอยู่ นั่นก็คือ "บาตร"
จากหนังสือประวัติของหลวงปู่หล้า เขมปัตโต ซึ่งหลวงปู่หล้าเป็นผู้เขียนด้วยตัวเอง และองค์หลวงปู่หล้าท่านได้เป็นศิษย์อีกรูปที่ได้ปรนนิบัติหลวงปู่มั่นในวาระสุดท้าย ได้กล่าวโดยสรุปใจความว่า หลังจากการหลวงปู่มั่นได้ละสังขาร ณ วัดป่าแห่งนี้ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๒ สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆของหลวงปู่ก็ถูกแจกจ่ายไปยังศิษยานุศิษย์ แต่ต่อมามีการสร้างพิพิธภัณฑ์ของพระอาจารย์ใหญ่ขึ้นมา โดยหลวงตามหาบัว ได้เป็นผู้ไปติดต่อ เจรจา ขอคืนสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆของหลวงปู่มั่นกลับคืนมา ซึ่งของทุกอย่างไม่มีข้อสงสัย ว่าเป็นของหลวงปู่มั่นที่เคยใช้ แต่มีเพียงสิ่งหนึ่งที่หลวงปู่หล้า สงสัยอยู่ นั่นก็คือ "บาตร"
รูป พระอุโบสถ วัดป่าสุทธาวาส
(สถานที่นี้เคยเป็นกุฏิที่พระอาจารย์มั่นมรณภาพ อีกทั้งยังเป็นที่ใช้ในการประชุมเพลิงพระอาจารย์มั่น)
.(สถานที่นี้เคยเป็นกุฏิที่พระอาจารย์มั่นมรณภาพ อีกทั้งยังเป็นที่ใช้ในการประชุมเพลิงพระอาจารย์มั่น)
ตรงกันข้ามกับพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น เดินไปหน่อยจะพบกับเจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลุย จันทสาโร ซึ่งเป็นศิษย์องค์สำคัญของพระอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่น โดยภายในจะมีรูปเหมือนหลวงปู่หลุย และมีอัฐิธาตุของหลวงปู่หลุย
รูป หุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่หลุย จันทสาโร และ อัฐิธาตุของหลวงปู่หลุย ภายในเจดีย์
.
จากนั้นข้าพเจ้าและครอบครัว ได้เดินทางต่อไปยังวัดป่านาคนิมิตต์ หรือวัดป่าบ้านนามน อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร เพื่อกราบหลวงปู่อว้านเขมโก และตามด้วยการกราบนมัสการพระธาตุพนม อ. ธาตุพนม จ.นครพนม
.
โดยในบทความนี้ขอข้ามมายัง พระธาตุพนม นะครับ เพราะบทความก่อนหน้านี้ ได้พูดถึงการไปทำบุญที่วัดป่านาคนิมิตต์มาแล้วครับ
จากนั้นข้าพเจ้าและครอบครัว ได้เดินทางต่อไปยังวัดป่านาคนิมิตต์ หรือวัดป่าบ้านนามน อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร เพื่อกราบหลวงปู่อว้านเขมโก และตามด้วยการกราบนมัสการพระธาตุพนม อ. ธาตุพนม จ.นครพนม
.
โดยในบทความนี้ขอข้ามมายัง พระธาตุพนม นะครับ เพราะบทความก่อนหน้านี้ ได้พูดถึงการไปทำบุญที่วัดป่านาคนิมิตต์มาแล้วครับ
รูป ประตูทางเข้า กับพระธาตุพนม
..
เพิ่มเติมเกร็ดความรู้สักเล็กน้อย ตามหนังสือประวัติหลวงปู่มั่น ได้กล่าวว่า เมื่อก่อนบริเวณแห่งนี้ไม่มีใครเหลียวแล เป็นที่รกล้าง ไม่มีใครรู้จัก ต่อมาหลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่นได้ ธุดงค์มาพำนักที่นี่ พอตกเวลากลางคืนปรากฏมีแสงผุดขึ้นออกจากยอดเจดีย์ หลวงปู่เสาร์ จึงพูดว่าที่พระเจดีย์นี้ต้องมีพระบรมสารีริกธาตุอย่างแน่นอน จึงได้ชักชวนญาติโยมทั้งหลาย ได้มาช่วยกันถากถางทำความสะอาด ชาวบ้านชาวเมืองต่างก็พากันปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีพระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบรรจุอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้าอยู่ภายใน
.
ซึ่งเป็นที่น่าแปลก หนังสือประวัติของทางวัดจะไม่มีการระบุถึงเลย เกี่ยวกับเรื่องนี้ ครับก็เป็นเกร็ดความรู้เล็กน้อยๆที่มาฝากกันครับ
เพิ่มเติมเกร็ดความรู้สักเล็กน้อย ตามหนังสือประวัติหลวงปู่มั่น ได้กล่าวว่า เมื่อก่อนบริเวณแห่งนี้ไม่มีใครเหลียวแล เป็นที่รกล้าง ไม่มีใครรู้จัก ต่อมาหลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่นได้ ธุดงค์มาพำนักที่นี่ พอตกเวลากลางคืนปรากฏมีแสงผุดขึ้นออกจากยอดเจดีย์ หลวงปู่เสาร์ จึงพูดว่าที่พระเจดีย์นี้ต้องมีพระบรมสารีริกธาตุอย่างแน่นอน จึงได้ชักชวนญาติโยมทั้งหลาย ได้มาช่วยกันถากถางทำความสะอาด ชาวบ้านชาวเมืองต่างก็พากันปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีพระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบรรจุอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้าอยู่ภายใน
.
ซึ่งเป็นที่น่าแปลก หนังสือประวัติของทางวัดจะไม่มีการระบุถึงเลย เกี่ยวกับเรื่องนี้ ครับก็เป็นเกร็ดความรู้เล็กน้อยๆที่มาฝากกันครับ
โดยบทความถัดไปนั้น ข้าพเจ้ายังได้เดินทางไปจ.มุกดาหาร เพื่อไปวัดบรรพตคีรี(ภูจ้อก้อ) และกราบนมัสการเขมปัตตเจดีย์ ซึ่งมีรูปเหมือนของหลวงปู่หล้า เขมปัตโต และอัฐิธาตุของหลวงปู่หล้า
.
กิตติวัฒน์ สิริเกษมสุข
16 เมษายน 2553
.
หมายเหตุ รูปทั้งหมดที่ลงในบทความนี้ เป็นรูปที่ข้าพเจ้าถ่ายเองจากกล้องในมือถือ นั่นความถึงเป็นรูป ณ ปัจจุบันนั่นเองครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)