วันนี้อยากจะขอกล่าวถึงเว็บไซต์ที่ข้าพเจ้าสร้างขึ้นเองเป็นอันแรกในชีวิตตอนปริญญาตรี และได้เผยแพร่ต่อสาธารณะด้วย คือ เว็บไซต์ของชมรมพุทธศาสตร์และประเพณี ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯลาดกระบัง ในส่วนของธรรมะ
.

เหตุผลที่ต้องนำมากล่าวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก็เนื่องจากว่าเว็บไซต์ดังกล่าวได้ถูกลบออกไปจากเนื้อที่ของเว็บไซต์ชมรมพุทธฯ เข้าใจว่าสมาชิกนักศึกษาปัจจุบันเป็นคนลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ดังกล่าว เพื่อที่จะปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ ก็เป็นธรรมดาเนื้อที่ในการจัดเก็บไม่ใช่ของเรา นักศึกษาปัจจุบันก็มีสิทธิที่จะดูแลเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว
.
ยังโชคดีที่ข้าพเจ้ามีการทำการบันทึกเก็บไว้เป็นส่วนตัว จึงได้นำออกมาคัดลอกเข้าสู่ เนื้อที่เว็บไซต์ส่วนตัว ซึ่งทางพระจอมเกล้าฯลาดกระบัง ได้จัดไว้ให้แก่อาจารย์ ข้าพเจ้าได้ตั้งชื่อว่า "สายธารธรรม" โดยมีที่ลิงค์ตามนี้ครับ http://www.kmitl.ac.th/~kskittiw/tumma/_index.html
.
แน่นอนว่า เป็นเว็บไซต์อันเแรก ตั้งแต่ข้าพเจ้าพอใช้ภาษา HTML เป็น ก็เหมือนกับเป็นเว็บไซต์ฝึกหัด ดังนั้นจึงดูไม่ค่อยสวย แต่ข้าพเจ้าก็อยากจะเก็บไว้ เพราะเนื้อหาภายในก็เรียบเรียง รวบรวม ด้วยตัวเอง จากหนังสือหลายๆเล่ม แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเวลาข้าพเจ้าจะขอค่อยๆปรับปรุงไปเรื่อยๆ
.
ใช่ว่าจะไม่มีคนเห็นความสำคัญ จากการค้นหาข้าพเจ้าก็พบว่ามี บางเว็บไซต์ก็ได้ทำการคัดลอกเนื้อหาบางหมวดไปทั้งหมวดเลยก็มี เช่น http://www.learntripitaka.com ในส่วนของพุทธประวัติ
.
.
ถ้าค้นหาคำว่า "พุทธประวัติ" ใน google..co.th ผู้ค้นหา จะพบเห็นเนื้อหาที่กระผมเป็นผู้สรุปเรียบเรียงขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่อยู่ในเว็บไซต์อื่นตามที่กล่าวข้างต้น ก็เป็นที่น่ายินดีที่มีคนคัดลอกไปทั้งหมวดเลย เพื่อช่วยเผยแพร่พระพุทธศาสนา ก็ต้องขออนุโมทนาบุญด้วยอย่างยิ่ง
.
เนื้อหา "พุทธประวัติ" ข้าพเจ้าได้อ้างอิงหนังสือเล่มหนึ่งเป็นหลัก ในห้องสมุดชมรมพุทธศาสตร์และประเพณี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง แต่ด้วยความเป็นเด็กปริญญาตรีจึงไม่ได้ระบุชื่อหนังสือลงไป ข้าพเจ้าเองก็รู้สึกเสียดาย (ถ้ามีโอกาสข้าพเจ้าจะตามหามาใส่เข้าไปนะครับ) สังเกตดูว่าข้าพเจ้าได้ใช้การเขียนแบบเป็นรายการ (list) จึงทำให้อ่านได้ง่าย
.
สำหรับรูปนั้น หลายๆรูปข้าพเจ้าก็พยายามหามาจากหลายๆที่ที่เกี่ยวข้องมารวมกัน เพื่อไม่ให้มีแต่ตัวอักษร อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าก็ต้องขอขอบคุณแหล่งที่มาของรูปทุกรูปที่ข้าพเจ้าได้นำมาใช้ ขออนุโมทนาบุญด้วยเช่นกัน
.
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายหัวข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหัวข้อที่ชื่อว่า "รวมเกร็ดคำครู: ทุกข์" ที่ภูมิใจในการนำเสนอเป็นอย่างมากๆ ถ้าสูญหายไปหรือถูกลบออกไปก็น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง จึงต้องนำมาบันทึกเล่าสู่กันฟังใหม่

"รวมเกร็ดคำครู: ทุกข์" ข้าพเจ้าได้เรียบเรียงเนื้อหาหนังสือจากหลายๆเล่ม แต่น่าเสียดายในตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ได้ใส่แหล่งที่มา เพิ่มผู้อ่านจะได้ตามไปอ่านดูเพิ่มเติม จึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
.
ด้วยความเคารพอย่างยิ่งต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ข้าพเจ้าขออนุญาตนำคำสั่งสอนของพระสุปฏิปันโนบางช่วงบางตอนแบบสั้นๆ มารวมไว้ใน "รวมเกร็ดคำครู: ทุกข์" เชิญไปดูกันเลยนะครับ
.
![]() หลวงปู่เสาร์ กันฺตสีโล วัดเลียบ จ.อุบลราชธานี | ...ยากนักที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะต้องตั้งอยู่ในธรรมของมนุษย์ คือ ศีล5 และกุศลกรรมบท10 จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ชีวิตที่เป็นมานี้ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะอันตรายชีวิตทั้งภายในภายนอกมีมากต่างๆ การที่ได้ฟังธรรมของสัตตบุรุษ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะกาลที่เปล่าว่างอยู่ ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกยืดยาวนานนัก บางคาบบางสมัยจึงจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกสักครั้งสักคราวหนึ่ง เหตุนั้นเราทั้งหลายพึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด อย่าให้เสียที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานี้เลย |
![]() หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร | ทุกข์ ต้องกำหนดรู้ |
![]() พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา | พระพุทธศาสนาเป็นของดี วิเศษยิ่งนักในโลกนี้ ไม่มีเครื่องเปรียบ เพราะเป็นหนทางแก้ทุกข์ นับว่าเป็นแก้วรัตนะมงคลของโลกทีเดียว |
![]() พระราชวุฒาจารย์(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ | จิตที่ส่งออกนอก เพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้นเป็นสมุทัย ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอกแล้วหวั่นไหวเป็นทุกข์ จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นนิโรธ |
![]() หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ![]() หลวงปู่ขาวและหลวงปู่ดูลย์ | สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นตาย สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา ผู้ใดเห็นอนัตตา ผู้นั้นเห็นพระนิพพานแล ใครรัก ใครชัง ช่างเถิด ใครเชิด ใครแช่ ช่างเขา ใครเบื่อ ใครบ่น ทนเอา ใจเรา สบายแล้ว เป็นพอ |
![]() หลวงปู่หลุย จันทะสาโร วัดถ้ำผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย ![]() พิพิฒภัณฑ์หลวงปู่หลุย วัดป่าสุทธาวาส | ธรรมเป็นตัวธรรมชาติภายในจิต และมีเพียรให้รู้ตามธรรมชาติ จึงชื่อว่ารู้อริยสัจ ราคะ โมหะ โทสะ ต้นไม้ ภูเขา สัตว์ ก็เป็นธรรมชาติของเขา เป็นเช่นนั้น แต่ไหนแต่ไรมา เราไม่ควรไปยึดไปแต่งให้เป็นตัณหา ก่อเรื่องทุกข์ให้สัตว์เหล่านั้น กลายเป็นทุคติ นรกไป |
![]() หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย ![]() เจดีย์ วัดป่าสัมมานุสรณ์ | บ่ ต้องดีใจ บ่ ต้องเสียใจ ดีก็ช่าง ร้ายก็ช่าง เทศน์ที่สั้นที่สุด วาง ![]() หลวงปู่หลุยและหลวงปู่ชอบ"เพชรคู่แฝด" บนยอดมงกุฎแห่งจังหวัดเลย |
![]() พระโพธิญาณเถร(หลวงพ่อชา สุภัทโท) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ อุบลราชธานี ![]() เจดีย์พระโพธิญาณ | ทุกข์มีเพราะยึด ทุกข์ยึดเพราะอยาก ทุกข์มากเพราะพลอย ทุกข์น้อยเพราะหยุด ทุกข์หลุดเพราะปล่อย ![]() อัฐิพระโพธิญาณเถระ |
![]() หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ | อดีตก็เป็นธรรมเมาอันหนึ่ง อนาคตก็เป็นธรรมเมา พึงทำให้จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้ปัจจุบัน ละปัจจุบัน ตัดตัณหา ตัดกิเลส ตัดมานะทิฐิ ตัดความยึดมั่นของตนให้เสร็จลง แล้วก็สงบได้ |
![]() หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดบรรพตคีรี(ภูจ้อก้อ) จ.มุกดาหาร ![]() เขมปัตตเจดีย์ | เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดาทุกข์ พ้นจากสิ่งเหล่านี้ แล้วเป็นธรรมดาสุข
|
![]() หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร | พุทธะคือผู้รู้ ความรู้นี้ไม่ใช่มืด ไม่ใช่สว่าง ไม่ใช่แจ้ง ไม่ใช่หลง ความที่มันหลงเราก็รู้อยู่ มืดเราก็รู้อยู่ สว่างเราก็รู้อยู่ สุขมันก็รู้ ทุกข์มันก็รู้ ยังงี้ |
![]() หลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย | ผู้ใดทำให้ใจถึงความเป็นกลางได้ ผู้นั่นจะพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ผู้ที่จะพ้นจากทุกข์ได้ในโลกนี้ก็ล้วนแล้วแต่ยกทุกข์ขึ้นมาเป็นเหตุทั้งนั้น แท้จริงความนึกคึดไม่ใช่ทุกข์ แต่การไปยึดความนึกคิดมาเป็นของตน จึงเป็นทุกข์ |
![]() พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ![]() เจดีย์ วัดอโศการาม | สุขโลกีย์ มันก็ดีแต่ใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ เท่านั้น เหมือนข้าวสุกที่เราตักใส่จานใหม่ๆยังร้อนๆควันขึ้น ก็น่ารับประทาน แต่พอตักไว้นานจนเย็นชืดก็จะกินไม่อร่อย ยิ่งทิ้งไว้จนแข็งเป็นข้างเย็น ก็ยิ่งกลืนไม่ลง พอข้ามวันก็เหม็นบูด ต้องเททิ้ง กินไม่ได้เลย |
![]() หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโคธาราม จ.อุดรธานี | ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้เป็นของเย็น เป็นของบริสุทธิ์บุคคลผู้มีปัญญาจะไม่ปฏิเสธ ธรรมของพระพุทธเจ้าพราะธรรมถ้าอยู่ในจิตใจของผู้ใด ผู้นั้นย่อมมีความสุขความเจริญ |
![]() พระครูญาณทัสสี (หลวงปู่คำดี ปภาโส) วัดถ้ำผาปู่นิมิตร อ.เมือง จ.เลย | จะเอาสุขทางโลก ก็ได้ทุกข์มาพร้อมกัน เช่น คิดว่า สามี ภรรยา เป็นความสุข ก็ได้รับทุกข์เพราะสามี ภรรยานั่นแหละ อยากได้ลูกมีความสุขที่ได้ลูกหญิงลูกชาย แต่ก็ได้รับทุกข์ เพราะลูกนั่นแหละ จะเอาความรักก็ได้ความชังมาพร้อม จะเอาอย่างเดียวไม่ได้ อยากได้หนึ่งแต่ได้สอง เป็นกฎธรรมชาติอย่างนั้น |
![]() พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ) วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ | การภาวนา เป็นเรื่องของการบำเพ็ญ เพื่อความสุข ไม่ใช่เพื่อความทุกข์ แม้จะมีความยากลำบากบ้างก็อย่าท้อถอย ให้เห็นเป็นธรรมดาของการจะทำสิ่งมีค่าให้เกิดขึ้น |
![]() หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา | สิ่งใดที่เรารู้เท่าทัน สิ่งนั้นไม่สามารถที่จะดึงใจของเราไปทรมานให้เกิดทุกข์ขึ้นได้ |
![]() หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี | จูงจิตใจให้เข้าสู่มรรค ผล นิพพาน ขันธ์ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เห็นเป็นไตรลักษณ์ |
![]() หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ วัดประสิทธิธรรม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ![]() ![]() อัฐิหลวงปู่พรหม | คนเราเกิดมาทุกรูปทุกนาม รูปสังขารเป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วล้วนตกอยู่ในกองทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าพระราชา มหากษัตริย์ พระยานานาหมื่น คนมั่งมีเศรษฐี และยาจก ล้วนตกอยู่ในกองทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น มีทางพอจะหลุดพ้นทุกข์ได้ คือ ทำความเพียร เจริญภาวนา อย่าสิมัวเมาในรูปร่างสังขารของตน มัจจุราชมัน บ่ไว้หน้าผู้ใด ก่อนจะดับไป ควรจะสร้างความดีเอาไว้ |
![]() หลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก อ.เมือง จ.สุรินทร์ ![]() ![]() อัฐิหลวงปู่สาม | ผู้หวังความสุขสำราญแก่ตน ควรตั้งอยู่ในศีล 5 ประการนี้ ผู้ใดรักษาศีล ศีลก็รักษาผู้นั้นไม่ให้เดือดร้อนไม่ต้องรับโทษทุกข์เพราะทุศีล บุคคลจะถึงความดับกิเลสก็เพราะศีล |
![]() พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร วัดป่าแก้วชุมพล จ.สกลนคร ![]() เจดีย์พิพิธภัณฑ์ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร | เราทุกคนเกิดมาพบพระพุทธศาสนา คือศาสนาของผู้รู้ เราต้องพิจารณาสอนจิต สอนใจของตัว ระวังรักษาอย่าให้ชั่วรั่วไหลเข้ามาทับถม ชั่วที่มีอยู่รีบทำลาย กำจัดปัดเป่าออกไป สิ่งใดที่จะนำความสุข ความเยือกเย็น ความสว่างไสว ความพ้นทุกข์พ้นภัย เรารีบกระทำบำเพ็ญ ให้จิตเห็น จิตรู้ เมื่อเราทุกคนทำอยู่อย่างนี้ เราจะประสบความสุข |
![]() หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ วัดเจติยาคิรีวิหาร จ.หนองคาย | เบื้องต้นพระองค์ได้ยกส่วนผิด 2 อย่าง ซึ่งให้พวกเราละเลิก ผู้มุ่งหวังโมกขธรรมเพื่อพ้นทุกข์ คือ กามสุขัลลิกานุโยค และ อัตตกิลมถานุโยค ทั้ง กามอัตต์ทั้ง 2 สั้นที่สุด กามคือความรัก อัตต์คือความชัง ถ้าจิตใจของเรายังเอียงมาข้างรักบ้าง เอียงข้างชังบ้างก็ไม่ถูก มัชฌิมาปฏิปทา ทางสายกลาง ความไม่รู้โทษแห่งความรัก และความชังนี้ท่านเรียกว่า โมหะ หรือ อวิชชา เมื่อพระองค์ชี้โทษทั้ง 2 คือทางทั้ง 2 นี้เสร็จสิ้นแล้ว จึงชี้มัชฌิมาปฏิปทาทางสายกลางที่พระองค์ตรัสรู้ |
![]() หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ วัดดอยธรรมเจดีย์ จ. สกลนคร | ....จะทำจะพูดจะคิดสิ่งใด ก็จง ทำพูด คิดแต่ในทางที่จะเป็นประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นเถิด |
![]() หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี | ...หากว่าผู้ใดจะมาตัดคอเรา ถ้าเป็นเพราะเชื่อตามพระพุทธเจ้าว่า บาปบุญ นรกสวรรค์ พรหมโลก นิพพาน.. มี เรายอมให้ตัดเลย ...นี่แหละ ศาสนาเปิดเผยมากี่กัปกี่กัลป์แล้ว สอนชาวเราทั้งหลาย ให้เชื่อเถิด ถ้าไม่อยากจม ให้เชื่อพระพุทธเจ้านะ |
![]() พระสุธรรมคณาจารย์ ( หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ) วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย | สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์อย่างยิ่ง : สังขาร คือ สภาพที่ปรุงแต่งให้มีขึ้น : สังขารโลก คือ สิ่งที่มีวิญญาณครอง คือ มนุษย์ สัตว์ดิรัจฉาน เป็นต้น : สังขารธรรม คือ สภาพจิตปรุงแต่งให้เป็นบุญเป็นกุศล หรือเป็นบาปเป็นอกุศล |
![]() ท่านพุทธทาสภิกขุ วัดสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี | การเผชิญกับปัญหา ซึ่งสร้างความทุกข์ ก็คือการเผชิญกับปัญญาของตนเอง ความทุกข์สอนอะไรๆ ให้เราดีกว่าความสุข คือ สอนตรงกว่ามากกว่า รุนแรงกว่า ความสุขมีแต่ทำให้ลืมตัว เหลิงเจิ้งไม่ทันรู้และไม่ค่อยสอนอะไร อย่าเป็นทุกข์ให้โง่ ทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทุกข์ |
สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.kmitl.ac.th/~kskittiw/tumma/_index.html ในหมวด "คำครู : ทุกข์ "
.
.