27 กันยายน 2552

ย้อนหลัง...ไปญี่ปุ่น ตอนที่ 1

เมื่อย้อนกลับไปในอดีตเมื่อตอนเข้าทำงานใหม่ ที่พระจอมเกล้าฯลาดกระบัง ตอนปี พ.ศ. 2548 มาจนปี พ.ศ. 2549 ผมก็ได้มีโอกาสลาไปต่างประเทศ นั่นคือ "ประเทศญี่ปุ่น" เนื่องจากว่าพี่ชายของข้าพเจ้าแท้ๆต้องไปนำเสนอผลงานทางวิชาการ ข้าพเจ้าจึงถือโอกาสได้ไปด้วยงบประมาณส่วนตัว ระหว่างวันที่ 22-27 พฤษภาคม 2549 ก็เป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็วางแผนเที่ยวทุกวัน เมืองที่ไปเที่ยว ได้แก่ เมืองโตเกียว (Tokyo) เมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) และเมืองคามะกูระ (Kamakura)
.
แรงบันดาลใจในบทความนี้ ประเด็นแรก พอดีผมเห็นพื้นหลังของคอมพิวเตอร์ (wallpaper) ของเมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) ก็สวยมากๆ ผมก็เลยคิดถึงเมืองนี้ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปอีกสักครั้ง
หมายเหตุ รูปข้างต้นมาทางอินเตอร์เน็ตครับ
.
ประเด็นที่สองเห็นใน Facebook หรือไม่ก็ Hi5 ต่างๆ ก็จะมีการถ่ายรูปคู่กับโคมไฟสีแดงยักษ์ หน้าวัดอะซากุสะ (ASAKUSA) ก็กลับมาดูว่าเรามีไหม เออ.. เราก็มีถ่ายรูปไว้เหมือนกัน
ก็เป็นบทความที่สบายๆอีกเรื่องหนึ่ง เพราะช่วงนี้ก็เรียนอยู่ที่ AIT ก็เหนื่อยเอาการเหมือนกันสำหรับเทอมสองของกระผมนี้ ก็ขอเวลามาขีดเขียนเรื่องเที่ยวแบบไม่เป็นทางการ สบายๆ
.
เริ่มต้นด้วยเมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) เมืองแห่งนี้อยู่ทางด้านทิศใต้ของเมืองหลวง ถือว่าเป็นเมืองตั้งต้นของการไปเที่ยวในแต่ละวันก็ว่าได้ เนื่องจากผมพักอยู่ในโรงแรมที่เมืองนี้ตลอด ชื่อโรงแรม คือ Yokohama Sakuragi-cho Washington Hotel อยู่ในตึกที่ชื่อว่า Cross Gate
.
โรงแรมจะใกล้กับสถานีรถไฟ Sakuragicho Station เป็นอีกจุดที่ผมจะไปเมืองอื่นๆ ต้องมาขึ้นรถไฟที่นี่
เมื่อคนมาที่นี่ หรือเคยมาที่เมืองแห่งนี้ก็จะต้องรู้จัก Landmark Tower ซึ่งจะเด่นออกมาทันทีเมื่อลงจากสถานีรถไฟ เท่าที่ผมรู้ Landmark Tower เป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ภายในเป็นห้างสรรพสินค้า (Landmark Plaza ) และก็ชั้นบนๆก็เป็นโรงแรมห้าดาว
เมื่อขึ้นไปบนสุดของตึก Landmark Tower คือชั้นที่ 69 จะเรียกว่า Sky garden ก็จะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองโยโกฮาม่าได้ 360 องศาเลย
.
ตึกถัดไปจะเป็นตึก Queen's Towers ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าที่ชื่อว่า Queen's Square
สังเกตดูบันไดเลื่อนนะครับ ไม่เหมือนบ้านเรา คือบันไดเลื่อน"โค้ง"ได้ครับ
.
อีกนิดหนึ่งครับ แถวๆหน้าตึก Landmark Tower เราจะเห็นเรือใบเก่าลำหนึ่งที่ชื่อว่า "Nippon-maru" ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 1930 และถูกปลดประจำการแล้ว (a retired sailing ship) ตอนนี้ก็ถูกทำเป็นพิพิธภัณฑ์ภายใน (Port Museum)
บางเว็บไซต์ก็บอกว่า โยโกฮาม่าเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น รองจากโตเกียว นอกจากนี้โยโกฮาม่ายังเป็นเมืองท่า (port) ที่สำคัญในอดีตมากว่า 150 ปี ใช้ในการติดต่อกับชาวต่างชาติ และในสงครามเกาหลี ยังเป็นฐานที่ตั้งของทหารสหรัฐอเมริกาด้วย ในปัจจุบันพื้นที่บางส่วนถูกพัฒนาเป็นสวนสาธารณะ โดยมีชื่อว่า สวนสาธารณะยามาชิตะ (Yamashita Park)
.
พอดีวันแรกผมวันถึงที่เมืองนี้ตอนกลางคืน รูปที่นำมาแสดงก็เลยมีวิวตอนกลางคืนให้ดูด้วยครับ
.
ผมลืมบอกไปว่า ที่นี่เขาใส่ชุดสูทเป็นเรื่องปกติครับ พอดีผมต้องไปงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับยนต์ที่ Pacifico Yokohama Convention Center จึงต้องใส่สูทหลายๆครั้ง
.
เมื่อเดินตามทางริมฝั่งทะเลมาเรื่อยๆ เราจะพบกับตึกแดงๆ เด่นขึ้นมา มีชื่อว่า Yokohama Red Brick Warehouse ซึ่งเมื่อก่อนเป็นคลังเก็บสินค้า ปัจจุบันเป็นร้านขายของเล็กๆหลายๆร้าน และภัคตาคาร
.
ขาเดินกลับมาที่พักเราจะพบห้างสรรพสินค้าอีกแห่งที่ชื่อว่า Yokohama World Porters
สังเกตว่าเมื่อเดินเข้าไป จะมีที่บริการขายถุงกระดาษ อยู่แถวหน้าๆของภายในห้าง
.
มีเย็นวันหนึ่ง อาศัยบารมีของพี่ชายที่มานำเสนอผลงานวิชาการที่นี่ ทางเจ้าภาพก็ได้พาไปเลี้ยงอาหารแบบญี่ปุ่น ซึ่งร้านอาหารอยู่ระหว่าง Yokohama Stadium กับ China Town ครับ
นอกจากนี้เมื่อเสร็จจากทานข้าว ก็ได้เดินผ่าน China Town ด้วยครับ เขาว่ากันว่า เป็น China Town ที่ใหญ่ที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้

สุดท้ายนี้แห่งเมืองโยโกฮาม่า ผมปิดท้ายด้วยชิงช้าสวรรค์ที่เคยใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองคือ Cosmo World-Cosmic Clock 21 ในสวนสนุก Yokohama Cosmo World
และรูปถ่ายรวมกับแขกที่มานำเสนอผลงานในวันก่อนสุดท้าย
โปรดติดตามตอนถัดไป เที่ยวเมืองโตเกียว (Tokyo) และเมืองคามะกูระ (Kamakura)