22 ธันวาคม 2552

- รูปภาพครูบาอาจารย์ รูปหลวงปู่เสาร์ รูปหลวงปู่มั่น

.
หลังจากที่หมดวิชาที่ต้องนั่งเรียนในห้องสี่เหลี่ยม ในภาคการเรียนที่สองของAIT เหลือแต่ทำการวิจัย นี่แหละยากของจริง
.
ในปิดเทอมช่วงสั้นของเดือนธันวาคมนี้ก็อยากทำบุญ โดยโครงการเล็กๆที่ผุดขึ้นมา คือ การถวายรูปภาพของพระอาจารย์ท่านต่างๆใส่กรอบอย่างดี ชึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สายพระป่าธรรมยุติ ให้แก่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนครพนม เพื่อไปติดที่อุโบสถ ไม่ใช่เพราะเกรดไม่ดีอะไรนะครับ แต่ในระหว่างที่เรียนรู้สึกว่า จะห่างเหินจากการทำบุญ ในเรื่องของเกรดนั้น ในเทอมที่สองนี้ ก็ไม่ขี้เหร่ครับ เพราะเรียน 3 วิชา ได้เกรด A ทั้งสามวิชาครับ
.
ข้าพเจ้าก็เริ่มเสาะแสวงหาไฟล์รูปภาพ จากชมรมพุทธฯสายพระกรรมฐาน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก่อน ก็ได้มาพอสมควร และขอทางเว็บไซต์อื่นๆบ้าง
.
บางเว็บไซต์ก็ให้ข้าพเจ้าไปถ่ายเองบ้าง เช่น http://www.watpa.com
บางเว็บไซต์ก็ใจดีมากทยอยส่งมาให้ เช่น http://www.dhammajak.net เป็นต้น
บางรูปก็สแกนเองก็มีครับ
.
หลังจากที่ได้ทำการล้างรูปพระอาจารย์ หลวงปู่ ที่ตัวเองได้เลือกไว้ ใส่กรอบเรียบร้อย เหลือแต่เดินทางไปถวายท่าน
.
นอกจากนี้ผมได้เกิดไอเดียความคิดเพิ่มเติมว่า ผู้อื่นที่สนใจ สามารถเข้ามาทำการdownload รูปครูบาอาจารย์ที่ข้าพเจ้ามีอยู่ เพื่อนำไปบูชา หรืออยากจะทำการพิมพ์เพื่อแจกเป็นธรรมทานก็ได้ ก็สามารถหาได้จากเว็บไซต์แห่งนี้ เนื่องจากว่าในอินเตอร์เน็ต ค่อนข้างหาแบบไฟล์ใหญ่ๆ เพื่อล้างออกมาในขนาด 10x12 นิ้ว นั้นยาก นี่คือเหตุผลที่ท่านจะสามารถทำการ download ได้จากเว็บไซต์นี้
.
ดังนั้นไฟล์ที่ข้าพเจ้าได้จัดเตรียมไว้ จะเป็นไฟล์ที่สามารถนำไปล้างเป็นขนาด 10x12 นิ้วได้ทันที และมีเพียง 3 รูปที่เป็น 8x12 นิ้ว อย่าลืมว่าไฟล์ทั้งหมดมาจากการสแกน (scan) ด้วยความละเอียดที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นรูปภาพที่นำไปล้างนั้นอาจจะไม่คมชัดแบบ 100% แต่คุณภาพก็พอใช้ได้ ผมลองล้างออกมาดูแล้วครับ
.
รูปภาพหลวงปู่ และรูปภาพพระอาจารย์ ขนาดใหญ่ ท่านต่างๆที่ผมมีอยู่ มีดังต่อไปนี้ครับ
.
1) รูปภาพหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล (download 26.6MB)
วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี (10x12 นิ้ว)
.
2) รูปภาพหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต (download 5.8MB)
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร (8x12 นิ้ว)
.
3) รูปภาพหลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม (download 4.5MB )
วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา (10x12 นิ้ว)
.
4)
รูปภาพหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ (download 28.6MB)
วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร (10x12 นิ้ว)
.
5) รูปภาพหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ (download 16.4MB)
วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี (10x12 นิ้ว)
.
6) รูปภาพหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ (download 9.8MB)
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ (10x12 นิ้ว)
.
7) รูปภาพพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ (download 11.3MB)
วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) อ.บึงกาฬ จ. หนองคาย (8x12 นิ้ว)
.
8) รูปภาพพระอาจารย์วัน อุตฺตโม (download 6.5MB)
วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม (ถ้ำพวง) อ.ส่องดาว จ.สกลนคร (8x12 นิ้ว)
.
9) รูปภาพพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร (download 19.4MB)
วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร (10x12 นิ้ว)
.
10) รูปภาพหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (download 16.1MB)
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย (10x12 นิ้ว)
.
11)
รูปภาพหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร (download 4.9MB)
วัดถ้ำผาบิ้ง อ.วังสะพุง จังหวัดเลย (10x12 นิ้ว)
รูปนี้ขอขอบคุณ administrator จากเว็บไซต์ http://www.dhammajak.net
.
.
ถ้าได้อ่านมงคลชีวิต ข้อที่ 3.การบูชาบุคคลที่ควรบูชา และมงคลชีวิตข้อที่ 29.การได้เห็นสมณะ ฉะนั้นพระครูบาอาจารย์ดังที่กล่าวมาข้างต้น (และที่กระผมยังไม่ได้กล่าวอีก) ถือว่าพลาดไม่ได้จริงๆนะครับ ถ้าได้บูชาเก็บไว้ในที่สูง ถือว่าเป็นมงคลชีวิตอย่างมาก
.
หมายเหตุ ผู้จัดทำไม่อนุญาตให้นำไปใช้เพื่อการพุทธพาณิชย์อย่างเด็ดขาด
.
สุดท้ายนี้ถ้าผู้อ่านท่านใดมีไฟล์รูปพระอาจารย์สายหลวงปู่มั่นที่มีความละเอียด ต้องการให้ข้าพเจ้าเป็นสื่อกลางในการลงเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่เป็นวิทยาทาน ก็ยินดีนะครับ ตามอีเมล์นี้ครับ kittiwat.sirikasemsuk@gmail.com
.
เพิ่มเติม ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2553 ข้าพเจ้าได้ทำการยกเลิกการ download รูปครูบาอาจารย์ เป็นป้องกันการนำไปใช้ในเชิงพุทธพาณิชย์
และสมมติว่าไปทำ รูปโดยเน้นแบบที่เขามีอยู่กัน เช่น หลวงปู่เงิน หลวงปู่ทอง หลวงปู่มั่น หลวงปู่คง แล้วเน้นคำว่า "เงิน" "ทอง" "มั่น" "คง" หรือว่านำไปสู่การทำ "อยู่ ดี มี สุข เงิน ทอง เพิ่ม พูล จง รวย มั่น คง" กระผมก็จะไม่เต็มใจและไม่ยินดี และไม่สนับสนุน รวมถึงอะไรทำนองนี้
.

20 ตุลาคม 2552

- ความจำไม่เที่ยง

เมื่อมีโอกาสได้เห็นผู้ที่สูงอายุในโอกาสต่างๆ เช่นที่โรงพยาบาล เวลาไปเยี่ยมญาติๆ เมื่อพูดถึงความจำแล้ว เขาเหล่านั้นก็จำได้บ้าง จำไม่ได้บ้าง บางคนก็ยังมีความจำที่ดีอยู่ บางคนก็หลงๆลืมแล้ว เช่น ลืมลูกหลานตัวเองบ้าง
.
เมื่อย้อนกลับมาถึงตัวเราเองนะตอนนี้ ถามว่า เรียนหนังสือตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วส่วนใหญ่ก็ไกลตัว ยิ่งเรียนก็ยิ่งไกลตัว แล้วสุดท้ายตอนแก่อย่างไงต่อ ........... ถ้ายังไม่ตายก่อน ก็ปลดเกษียณ แล้วจากนั้น อีกไม่นานก็อาจจะตามด้วยความจำได้ที่ไม่เที่ยง จนสุดท้ายก็อาจจะหลงๆลืมๆ อย่าพูดถึงตอนนั้นเลย พอถึงเวลาปลดเกษียณ วิชาความรู้ต่างๆที่ล้ำเรียนมาคงไม่มีใครเขาเรียกใช้ เอาความรู้ใหม่ๆสดไฟแรงอย่างคนหนุ่มๆดีกว่า
.
หลายๆคนบอกว่าต้องเรียนหนังสือด้วยความเข้าใจเลย จึงจะไม่ลืม ต้องตอบไว้ก่อนว่า "ถูกต้องครับต้องเรียนหนังสือด้วยความเข้าใจ" แต่ตอนแก่สิ่งที่เรียนด้วยความเข้าใจ จะลืมไหม??
เนื่องจากสัญญาไม่เที่ยง หรือความจำไม่เที่ยง
.
ก็มีหลายๆท่านที่อายุมากขึ้น ท่านเหล่านั้นก็ยังสามารถพูดสอนหรือเทศน์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่น หลวงตามหาบัว ก็อายุ 96-97 ปีแล้ว แต่ท่านก็ยังมีสัมปัชชัญญะ เทศนา อบรม ได้อย่างครบถ้วน
.
หลายๆครั้ง ก็เป็นสิ่งที่จะหาสาเหตุได้ยากนะว่าทำไม ทำไมบางท่าน บางคนยังมีความจำ สติสัมปัณญยะ ที่ดีอยู่ แต่บางคนอายุมากขึ้นก็เกิดอาการหลงๆลืมๆแล้ว ?? อาจจะเป็นผลมาจาก ศีล และบุญที่ติดตัวมาจากอดีต (ที่ยาวนาน)
.
ที่กล่าวมาตั้งเยอะนั้น พอดีตอนนี้ผมก็กำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ ก็เหนื่อยสักหน่อย แล้วชอบถามว่า "ทำไมต้องเรียนมากมายด้วย" แล้วบ่นต่อว่า "ตอนแก่ก็ลืมหมด"
แต่ก็ไม่มีทางเลือกครับ ก็เรียนเพื่อไปประกอบอาชีพการงาน ในช่วงวัยกลางๆของชีวิตนั่นเอง หรือจะบอกว่าเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศชาติก็ได้......
.
จริงๆปัจจุบันนี้ ในสมัยนี้ ผู้คนเกิดมาก็ต้องเรียน ซึ่งเรียนมาขั้นต่ำก็ต้องปริญญาตรี กว่าจะจบก็อายุประมาณ 20 ปี ตั้ง 20 ปีของชีวิต ดังนั้นชีวิตต้องไม่มีแต่เรื่องเรียนอย่างเดียว ต้องมี "เรื่องของการทำดี" อยู่ในช่วงที่เรียนด้วย ไม่เช่นนั้นเวลาในการใช้ชีวิตก็จะผ่านไปเปล่า
.
ไม่ว่าจะเป็น "ทาน" หรือ "ศีล" ก็ตาม หรือ ตามแนวทางแห่ง "มงคลชีวิต" และ "บารมี 10 ทัศ" ก็ตาม
.

13 ตุลาคม 2552

ย้อนหลัง...ไปญี่ปุ่น ตอนที่ 2

แน่นอนครับ วันนี้ผมอยากจะปิดฉาก เรื่องราวที่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งผมได้ไปมาตั้งหลายปีที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 22-27 พฤษภาคม 2549
.
จากบทความก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเมืองโยโกฮาม่า ครับวันนี้เป็นเมืองที่เหลืออีกสองเมือง คือ เมืองคามะคุระ (Kamakura) และเมืองโตเกียว (Tokyo)

เมืองคามะคุระ
- เป็น เมืองเงียบเล็กๆ ทางตอนใต้ของโตเกียว ติดชายฝั่งทะเล
- ได้รับฉายาว่า "เมืองเกียวโตทางตะวันออกของญี่ปุ่น" (the Kyoto of Eastern Japan)
- เมืองนี้มี วัด ศาลเจ้า และอนุเสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์มากมาย
.
1.1) วัดโคโตคุอิน (Kotokuin Temple)
ตั้งแต่อยู่กรุงเทพ กระผมก็ได้มีความมุ่งมั่น ที่อยากจะเดินทางมาวัดนี้มากที่สุด เพื่อนมัสการหลวงพ่อโต ไดบุสึ (Great Buddha or Daibutsu) สถานที่แนะแนวการศึกษาหลายแห่ง มักจะนำเอาภาพขององค์พระท่าน มาช่วยประชาสัมพันธ์ เพื่อเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น
.
แน่นอนที่สุดครับในวันที่สองของการอยู่ที่นี่ ผมรีบเดินทางมาที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรกๆ


ตามประวัติคราวๆ หลวงพ่อโต ไดบุสึ มีความสูง 13.35 เมตร โดยเป็นพระพุทธรูปปางนั่งสมาธิที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว องค์ไดบุสึนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1252 ทำด้วยบรอนซ์ทั้งองค์ เคยตั้งอยู่ในอารามไม้ใจกลางของวัด ต่อมาปลายศตวรรษที่ 15ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น และส่งผลให้เกิด"คลื่นสึนามิ" ในแถบนี้ จนกระทั่งทำลายตัวอารามไปทั้งหมด เหลือไว้เพียงองค์ไดบุสึ ตั้งเด่นเป็นสง่าตราบจนทุกวันนี้
.
โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปในตัวองค์พระได้ด้วยครับ
.

จริงๆแล้ว ตั้งใจจะมาวัดแห่งนี้ที่เดียว แล้วเดินทางกลับไปยังเมืองโยโกฮาม่า แต่เห็นว่ายังมีวัดที่อยู่ใกล้วัดหลวงพ่อโต ไม่ไกลมาก ดังนั้นผมจึงแวะไปที่วัดฮาเซะเดระ



.
1.2) วัดฮาเซะเดระ (Hasedera หรือ Hase Kannon)
จากวัดหลวงพ่อโต เราเดินมาไม่ไกลนัก ก็จะพบทางเข้าวัดวัดฮาเซะเดระ
วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐาน พุทธรูปโพธิสัตว์คันนง (กวนอิม) ซี่งเจ้าแม่กวนอิมถูกแกะสลักจากไม้หุ้มทองปาง 11 พักตร์ สูงถึง 9.18 เมตร และใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เขาไม่ให้ถ่ายรูป ผมได้แค่ถ่ายรูปเพียงข้างหน้าของโบถส์เท่านั้นครับ
.

.
มาวัดแห่งนี้ต้องถ่ายรูปที่มุมนี้ครับ แต่ผู้คนค่อนข้างจะเยอะ เด็กญี่ปุ่นก็มาทัศนศึกษากันก็เป็นจำนวนมาก และจากการสังเกตก็จะพบว่า เขาไม่ค่อยแคร์ใคร หมายถึงว่า มีคนกำลังถ่ายรูปกรุณาอย่าเดินผ่านมานะ ก็จึงติดหน้าสาวเด็กญี่ปุ่นมาด้วยครับ มีหลักฐานชัดเจนว่ามาญี่ปุ่น

อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่า เมืองคามะคุระ เป็นเมืองติดชายฝังทะเล วัดแห่งนี้สามารถยืนชมวิวทิวทัศน์ เพื่อดูบ้านเมืองและทะเลของที่นี่ เขาบอกกันว่า ทะเลที่นี่ขึ้นชื่อมาก แต่ผมไม่มีโอกาสไปทะเลนะครับ
ยังจำเด็กสาวทางซ้ายมือได้ไหมครับ ผมได้ถ่ายรูปเก็บไว้อีกครั้ง
ลองดูรูปบรรยายกาศรอบวัดแห่งนี้ดูนะครับ







หลังจากที่เยี่ยมเยือนวัดทั้งสองแห่ง ก็นั่งรถไฟกลับมายังสถานีแห่งหนึ่ง (ผมจำชื่อไม่ได้) ที่เชื่อมต่อระหว่าง สายรถไฟที่ไปยังเมืองโยโกฮาม่า กับ ไปวัดวัดโคโตคุอิน (วัดหลวงพ่อโต) เดินมั้วไป มั้วมา ก็ไปเจอหอนาฬิกา คนก็ถ่ายรูปกันพอสมควรครับ

ครับ วัดสุดท้ายที่ผมแวะมานมัสการนั้น คือ ศาลเจ้าซึรุงะโอกะ ฮาจิมังกุ จริงๆแล้วผมก็อยากจะไปอีกหลายวัด แต่เวลามันจำกัดจริงๆ ก็ใช้การ "เดิน" เพื่อไปวัดดังกล่าว ซึ่งก็ต้องผ่านถนนแห่งหนึ่ง ซึ่งจะขายขนมตลอดข้ามทาง ผู้คน นักท่องเที่ยวมากมายครับ
.
1.3) ศาลเจ้าทสึรุงะโอะกะ ฮะจิมังกู (Tsurugaoka Hachimangu Shrine)
เขาเล่ากันว่า เป็นศาลเจ้า แห่งลัทธิ ชินโต ที่ใหญ่ที่สุด (The largest Shinto shrine) ข้างหน้าศาลเจ้าก็จะพบ เสาโทริอิ
ศาลเจ้าซึรุงะโอกะ ฮาจิมังกุ เป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขา ก็สวยงามดี รูปนี้คนก็มาถ่ายรูปกันเยอะ ไม่เว้นแต่ชาวญี่ปุ่นของเขาเอง
.
ศาลนี้สร้างขึ้นโดนโชกุนคนแรกของเมืองคามะคุระ เพื่อใช้เป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าแห่งสงคราม มีผู้เดินทางมาอธิฐานขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้จำนวนมาก











.
ตอนแรกจะรวมเอาเมืองโตเกียว เข้ามาเขียนไว้ด้วย แต่ไว้วันหลังแล้วกันครับ
.

27 กันยายน 2552

ย้อนหลัง...ไปญี่ปุ่น ตอนที่ 1

เมื่อย้อนกลับไปในอดีตเมื่อตอนเข้าทำงานใหม่ ที่พระจอมเกล้าฯลาดกระบัง ตอนปี พ.ศ. 2548 มาจนปี พ.ศ. 2549 ผมก็ได้มีโอกาสลาไปต่างประเทศ นั่นคือ "ประเทศญี่ปุ่น" เนื่องจากว่าพี่ชายของข้าพเจ้าแท้ๆต้องไปนำเสนอผลงานทางวิชาการ ข้าพเจ้าจึงถือโอกาสได้ไปด้วยงบประมาณส่วนตัว ระหว่างวันที่ 22-27 พฤษภาคม 2549 ก็เป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็วางแผนเที่ยวทุกวัน เมืองที่ไปเที่ยว ได้แก่ เมืองโตเกียว (Tokyo) เมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) และเมืองคามะกูระ (Kamakura)
.
แรงบันดาลใจในบทความนี้ ประเด็นแรก พอดีผมเห็นพื้นหลังของคอมพิวเตอร์ (wallpaper) ของเมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) ก็สวยมากๆ ผมก็เลยคิดถึงเมืองนี้ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปอีกสักครั้ง
หมายเหตุ รูปข้างต้นมาทางอินเตอร์เน็ตครับ
.
ประเด็นที่สองเห็นใน Facebook หรือไม่ก็ Hi5 ต่างๆ ก็จะมีการถ่ายรูปคู่กับโคมไฟสีแดงยักษ์ หน้าวัดอะซากุสะ (ASAKUSA) ก็กลับมาดูว่าเรามีไหม เออ.. เราก็มีถ่ายรูปไว้เหมือนกัน
ก็เป็นบทความที่สบายๆอีกเรื่องหนึ่ง เพราะช่วงนี้ก็เรียนอยู่ที่ AIT ก็เหนื่อยเอาการเหมือนกันสำหรับเทอมสองของกระผมนี้ ก็ขอเวลามาขีดเขียนเรื่องเที่ยวแบบไม่เป็นทางการ สบายๆ
.
เริ่มต้นด้วยเมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) เมืองแห่งนี้อยู่ทางด้านทิศใต้ของเมืองหลวง ถือว่าเป็นเมืองตั้งต้นของการไปเที่ยวในแต่ละวันก็ว่าได้ เนื่องจากผมพักอยู่ในโรงแรมที่เมืองนี้ตลอด ชื่อโรงแรม คือ Yokohama Sakuragi-cho Washington Hotel อยู่ในตึกที่ชื่อว่า Cross Gate
.
โรงแรมจะใกล้กับสถานีรถไฟ Sakuragicho Station เป็นอีกจุดที่ผมจะไปเมืองอื่นๆ ต้องมาขึ้นรถไฟที่นี่
เมื่อคนมาที่นี่ หรือเคยมาที่เมืองแห่งนี้ก็จะต้องรู้จัก Landmark Tower ซึ่งจะเด่นออกมาทันทีเมื่อลงจากสถานีรถไฟ เท่าที่ผมรู้ Landmark Tower เป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ภายในเป็นห้างสรรพสินค้า (Landmark Plaza ) และก็ชั้นบนๆก็เป็นโรงแรมห้าดาว
เมื่อขึ้นไปบนสุดของตึก Landmark Tower คือชั้นที่ 69 จะเรียกว่า Sky garden ก็จะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองโยโกฮาม่าได้ 360 องศาเลย
.
ตึกถัดไปจะเป็นตึก Queen's Towers ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าที่ชื่อว่า Queen's Square
สังเกตดูบันไดเลื่อนนะครับ ไม่เหมือนบ้านเรา คือบันไดเลื่อน"โค้ง"ได้ครับ
.
อีกนิดหนึ่งครับ แถวๆหน้าตึก Landmark Tower เราจะเห็นเรือใบเก่าลำหนึ่งที่ชื่อว่า "Nippon-maru" ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 1930 และถูกปลดประจำการแล้ว (a retired sailing ship) ตอนนี้ก็ถูกทำเป็นพิพิธภัณฑ์ภายใน (Port Museum)
บางเว็บไซต์ก็บอกว่า โยโกฮาม่าเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น รองจากโตเกียว นอกจากนี้โยโกฮาม่ายังเป็นเมืองท่า (port) ที่สำคัญในอดีตมากว่า 150 ปี ใช้ในการติดต่อกับชาวต่างชาติ และในสงครามเกาหลี ยังเป็นฐานที่ตั้งของทหารสหรัฐอเมริกาด้วย ในปัจจุบันพื้นที่บางส่วนถูกพัฒนาเป็นสวนสาธารณะ โดยมีชื่อว่า สวนสาธารณะยามาชิตะ (Yamashita Park)
.
พอดีวันแรกผมวันถึงที่เมืองนี้ตอนกลางคืน รูปที่นำมาแสดงก็เลยมีวิวตอนกลางคืนให้ดูด้วยครับ
.
ผมลืมบอกไปว่า ที่นี่เขาใส่ชุดสูทเป็นเรื่องปกติครับ พอดีผมต้องไปงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับยนต์ที่ Pacifico Yokohama Convention Center จึงต้องใส่สูทหลายๆครั้ง
.
เมื่อเดินตามทางริมฝั่งทะเลมาเรื่อยๆ เราจะพบกับตึกแดงๆ เด่นขึ้นมา มีชื่อว่า Yokohama Red Brick Warehouse ซึ่งเมื่อก่อนเป็นคลังเก็บสินค้า ปัจจุบันเป็นร้านขายของเล็กๆหลายๆร้าน และภัคตาคาร
.
ขาเดินกลับมาที่พักเราจะพบห้างสรรพสินค้าอีกแห่งที่ชื่อว่า Yokohama World Porters
สังเกตว่าเมื่อเดินเข้าไป จะมีที่บริการขายถุงกระดาษ อยู่แถวหน้าๆของภายในห้าง
.
มีเย็นวันหนึ่ง อาศัยบารมีของพี่ชายที่มานำเสนอผลงานวิชาการที่นี่ ทางเจ้าภาพก็ได้พาไปเลี้ยงอาหารแบบญี่ปุ่น ซึ่งร้านอาหารอยู่ระหว่าง Yokohama Stadium กับ China Town ครับ
นอกจากนี้เมื่อเสร็จจากทานข้าว ก็ได้เดินผ่าน China Town ด้วยครับ เขาว่ากันว่า เป็น China Town ที่ใหญ่ที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้

สุดท้ายนี้แห่งเมืองโยโกฮาม่า ผมปิดท้ายด้วยชิงช้าสวรรค์ที่เคยใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองคือ Cosmo World-Cosmic Clock 21 ในสวนสนุก Yokohama Cosmo World
และรูปถ่ายรวมกับแขกที่มานำเสนอผลงานในวันก่อนสุดท้าย
โปรดติดตามตอนถัดไป เที่ยวเมืองโตเกียว (Tokyo) และเมืองคามะกูระ (Kamakura)